เยี่ยมให้กำลังใจทหารพราน และพระสงฆ์ ที่ได้รับบาดเจ็บขณะออกบิณฑบาต ในพื้นที่ อ.รือเสาะ พร้อมพบปะและขอบคุณประชาชนทั้งไทยพุทธ-มุสลิม ในความรัก และช่วยเหลือกันเสมอมา

206

️          วันที่ 7 มิถุนายน 2566 ที่ โรงพยาบาลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เวลา 10.00 น. พลโท ศานติ  ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะ เยี่ยมให้ขวัญกำลังใจ อาสาสมัครทหารพราน ศรีสุวรรณ์ ก๋าจุม และอาสาสมัครทหารพราน ไชยชิต นามเขตต์ เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดรถตู้ขณะเดินทางนิมนต์พระสงฆ์เพื่อบิณฑบาต เหตุเกิดที่บริเวณปากซอยเจริญราษฎร์ 2 หมู่ที่ 2 ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เช้าตรู่ของวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดรักษาความปลอดภัยพระสงฆ์ สังกัด กองร้อยทหารพรานที่ 4603 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 และพระสงฆ์ จำนวน 3 รูป ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย พระ ฉันท์ แสนศิลา (ฉันทโก) อายุ 62 ปี, พระ อำนวย เข็มศิริ (วรปัญโญ) อายุ 72 ปี และพระ ดี ทองอยู่ (ปัญญาธโร) อายุ 70 ปี ซึ่งขณะนี้อาการปลอดภัย และดีขึ้นตามลำดับ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และคณะ ได้ลงไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณปากซอยเจริญราษฎร์ 2 หมู่ที่ 2 ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเข้าไปสำรวจดูความเสียหาย และเข้าไปให้กำลังใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เป็นประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนหลายหลังที่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดูแลประสานความช่วยเหลือประชาชนเพื่อเยียวยาความเสียหายแล้ว

          พร้อมกันนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และคณะ ได้พบปะ และมอบถุงยังชีพเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่พี่น้องชาวไทยพุทธยังวัดไพโรจน์ประชาราม ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจพระสงฆ์ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีพี่น้องชาวไทยมุสลิม และผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่มาร่วมให้กำลังใจพระสงฆ์ และพี่น้องชาวไทยพุทธในพื้นที่ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการปลอบขวัญให้กำลังใจระหว่างประชาชนกันเอง

          ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กล่าวขอบคุณแทนพี่น้องชาวไทยพุทธในพื้นที่ “ขอบคุณพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่ให้ความช่วยเหลือดูแลให้กำลังใจกันไม่ทอดทิ้งกัน ซึ่งได้เห็นถึงความรักความสามัคคี และการอยู่รวมกันระหว่างไทยพุทธ-ไทยมุสลิมที่ยังคงรักช่วยเหลือกันอย่างแน่นแฟ้น และให้คงอยู่ความเป็นพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งแบบนี้ไว้ ในนามในหน่วยงานภาครัฐ พร้อมให้การช่วยเหลือ ดูแล และจะเคียงข้างประชาชน มาให้กำลังใจขอให้ประชาชนมีขวัญกำลังใจที่เข้มแข็ง พร้อมให้การช่วยเหลือกันไม่ทอดทิ้งกัน จะดูแลพื้นที่วัด ดูแลมัสยิด จะดูแล ประชาชนทั้งไทยพุทธและมุสลิมให้เกิดความปลอดภัย ขอให้มั่นใจเจ้าหน้าที่พร้อมจะดูแล และปกป้องพื้นที่และประชาชนให้ปลอดภัย”

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า