มทภ.4 นำพุทธศาสนิกชน ทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อบูรณะและอนุรักษ์โบราณสถานทางพุทธศาสนาให้อยู่คู่พี่น้องไทยพุทธ ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา

333

          วันนี้ (25 เมษายน 2566) เวลา 13.30 น. ที่ วัดเกาะอภินิหาร เดิมมีชื่อว่า “วัดกุหร่า” ตำบลเปียน  อำเภอสะบ้าย้อย  จังหวัดสงขลา พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานฝ่ายฆราวาสพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อนำปัจจัยบูรณะปฏิสังขรณ์วัด ตลอดจนทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ปฏิบัติหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนที่ดี โดยมี ดร.พระครูวาทีธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดพระนอนแหลมพ้อ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พลเอก มณี จันทร์ทิพย์ ที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า , พลตรี วรเดช เดชรักษา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา, ส่วนราชการ, พุทธศาสนิกชนในพื้นที่อำเภอสะบ้าย้อย และพื้นที่ใกล้เคียง ร่วมอนุโมทนาบุญจำนวนมาก

          โอกาสนี้ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้นำถวายผ้าป่าสามัคคี และเครื่องไทยธรรมแด่พระมานพ มหาวีโร (มานพ บุญอุดม ) เจ้าอาวาสวัดเกาะอภินิหาร เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า 605,820  บาท พร้อมกล่าวขอบคุณหน่วยงาน และพี่น้องทุกคนที่มีความรักความสามัคคีกันไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม เรารักกัน เราอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรม ทุกชนชาติ ศาสนา มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง เราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ยืนยัน ในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4  จะดูแลพี่น้องประชาชนทุกคนให้อยู่อย่างมีความสุข พร้อมให้ความช่วยเหลือดูแลทั้งประชาชน วัด และมัสยิด เพราะพวกเราคือคนไทยด้วยกัน

          สำหรับพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีครั้งนี้พุทธศาสนิกชนในพื้นที่, หน่วยงานราชการและ พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ศรัทธาเลื่อมใส ร่วมกันสมทบทุน เพื่อบูรณะฟื้นฟูวัดให้เป็นศาสนสถาน สำหรับการปฎิบัติธรรมและประกอบศาสนากิจตามหลักศาสนา และมุ่งหวัง รักษาวัฒนธรรมอันดี ให้ดำรงสืบไป

          ทั้งนี้ “วัดกุหร่า” ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเทพา ปัจจุบันมีสภาพเป็นเพียงวัดร้าง แต่ยังคงปรากฏร่องรอยหลักฐานโบราณสถานคือ “ซากอุโบสถเก่า” ที่มีการสันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีความสำคัญอีกหนึ่งแห่ง เนื่องจากตั้งอยู่บนเส้นทางสัญจรโบราณ มีผู้คนและพ่อค้าแม่ค้าใช้เดินทางไปมาระหว่างเมืองไทรบุรีและอาณาจักรสยาม ปัจจุบันอุโบสถเก่าวัดกุหร่าได้ถูกขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุสถานทั่วราชอาณาจักร” แต่ทุกวันนี้ยังคงเหลือฐานอุโบสถซึ่งมีลักษณะโค้งงอน ปรากฏรอยเสมาอยู่รอบอุโบสถ โครงสร้างส่วนบนเสียหายแทบทั้งหมด โดยมีการสันนิษฐานว่าอุโบสถหลังนี้ น่าจะสร้างขึ้นช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 – 24 อีกทั้ง “วัดกุหร่า” ยังได้ถูกเรียกว่า “วัดเกาะวิหาร” ก่อนจะเพี้ยนมาเป็น “วัดเกาะอภินิหาร” และยังคงพบซากเขื่อนหรือสถูป 3 แห่ง (ที่บรรจุอัฐิ) ภายในวัดแห่งนี้ ได้แก่ เขื่อน(สถูป) หลวงพ่อลิ้นดำ เขื่อน(สถูป) สมภารโต๊ะอิหม่าม และเขื่อน(สถูป) สมภารเณรน้อยอีกด้วย

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า