วันนี้ (24 เมษายน 2566) เวลา 11.00 น. ณ วัดเกาะอภินิหาร หรือ วัดกุหร่า (วัดร้าง) ตำบลเปียน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีบรรพชาอุปสมบทสามเณร และภิกษุ จำนวน 21 รูป พร้อมด้วย พลตรี วรเดช เดชรักษา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา เพื่อเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยมและความเป็นไทย สืบทอดทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พระมานพ มหาวิโร เจ้าอาวาสวัดเกาะอภินิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และกำลังพลจากหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ตลอดจนพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ร่วมในพิธี
พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า “ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ เป็นช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ตอนนั้นวัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่ยังไม่ได้รับการบูรณะ วันเวลาผ่านไปเจ้าอาวาสและพระภิกษุรวมไปถึงพ่อแม่พี่น้องพุทธศาสนิกชนทั้งหลายทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ ได้มาช่วยกันบูรณะส่งเสริมพระพุทธศาสนาจนเป็นที่รู้จักต่อประชาชนอื่นๆ อย่างมาก ในวันนั้นที่มาครั้งแรกได้มาพูดคุยกับเจ้าเอาวาส ว่าจะเข้ามาช่วยทำนุบำรุงวัดแห่งนี้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว ที่ได้เข้ามาเป็นประจำทุกปี และยังคงพร้อมที่จะร่วมกับพุทธศาสนิกชนทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ทำนุบำรุงวัดแห่งนี้ให้เป็นวัดที่อยู่คู่กับประชาชนในพื้นที่ตำบลเปียน ซึ่งมีวิถีชีวิตอยู่อย่างพหุวัฒนธรรมที่มีความสุข ทางเจ้าหน้าที่ทหารเองก็ได้ช่วยกันดูแลและเข้ามาร่วมกันจนสามารถที่จะทำนุบำรุงวัดแห่งนี้ให้ดีขึ้นได้ จากที่พระอุโบสถเก่าแก่ไม่มีหลังคาในวันนี้กรมศิลปากรได้มาบูรณะปฏิสังขรณ์แล้ว ต้องขอบคุณพุทธศาสนิกชนทุกท่านที่ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมไปถึงได้ร่วมอนุโมทนาบุญบวชพระภิกษุ สามเณรในวันนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าภิกษุ สามเณรที่เข้าร่วมพิธีอุปสมบถในวันนี้นั้นจะมุ่งมั่นปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามหลักพระธรรม และส่งเสริมให้พระพุทธศาสนาอยู่คู่จังหวัดชายแดนภาคใต้สืบไป”
สำหรับ “วัดเกาะอภินิหาร” หรือ “วัดกุหร่า” (ร้าง) มีพระมานพ มหาวิโร เป็นเจ้าอาวาส ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเทพา ตำบลเปียน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “ร้าง” เนื่องจากก่อนหน้านี้มีสภาพเป็นวัดร้างที่ปรากฏร่องรอยหลักฐานโบราณสถาน คือ “ซากอุโบสถเก่า” มีการสันนิษฐานจากผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการว่า “วัดกุหร่า” น่าจะถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดโบราณนี้น่าจะเป็นวัดที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากวัดกุหร่าตั้งอยู่บนเส้นทางสัญจรโบราณ ซึ่งผู้คนและพ่อค้าแม่ค้าใช้เดินทางไปมา ระหว่างเมืองไทรบุรีและอาณาจักรสยาม ปัจจุบันอุโบสถเก่าวัดกุหร่าได้ถูกขึ้น “ทะเบียนโบราณวัตถุสถานทั่วราชอาณาจักร” โดยโครงสร้างอุโบสถนั้น คงเหลือฐานอุโบสถที่มีลักษณะโค้งงอน ปรากฏรอยเสมาอยู่รอบอุโบสถ โครงสร้างส่วนบนเสียหายแทบทั้งหมด ปัจจุบันมีการบูรณปฏิสังขรณ์แล้ว เพื่ออนุรักษ์โบราณสถานให้มีความมั่นคงแข็งแรงไม่ให้เสื่อมคุณค่าก่อนเวลาอันควร และเป็นการเสริมสร้างให้ประชาชนทั่วไปเห็นคุณค่าความสำคัญของโบราณสถาน ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจและหวงแหนมรดกทางศิลปะวัฒนธรรมของชาติ นอกจากนี้ ภายใน “วัดเกาะอภินิหาร” ยังพบซากเขื่อนหรือสถูป 3 แห่ง (ที่บรรจุอัฐิ) ได้แก่ เขื่อน(สถูป)หลวงพ่อลิ้นดำ เขื่อน(สถูป)สมภารโต๊ะอิหม่าม และเขื่อน(สถูป)สมภารเณรน้อยอีกด้วย
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า