วันนี้ ( 12 ตุลาคม 2563 ) เวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พันเอก วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงการดูแลสิทธิและสวัสดิการให้กับเจ้าหน้าที่ ที่เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงในพื้นที่ โดยกล่าวว่า พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก และ พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวของ ส.อ. อรรถพล พลายชนะ สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 (ร.15 พัน.1) และ อส.ทพ. อัตณรงค์ ไชยศรี สังกัด หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 (ฉก.ทพ.43) ที่เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเมื่อวันที่ 1 และ 9 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตรวม 2 ราย บาดเจ็บรวม 11 ราย พร้อมกันนี้ได้กล่าวชื่นชมในความกล้าหาญของกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยให้เร่งรัดดูแลเรื่องสิทธิ และสวัสดิการในทุกด้านให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต และรักษาฟื้นฟูสภาพกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บอย่างดีที่สุด
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอชี้แจงในเรื่องสิทธิของกำลังพลที่เสียชีวิตจากทั้ง 2 เหตุการณ์ ดังนี้
- ส.อ. อรรถพล พลายชนะ สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 (ร.15 พัน.1) ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดขบวนยานยนต์ขณะเดินทางเพื่อสับเปลี่ยนกำลัง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดเขาต่อ อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางมาร่วมสวดพระอภิธรรมศพด้วยตนเอง และได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพไปเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2563 ในการนี้ กองทัพบกได้ปูนบำเหน็จเลื่อนชั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 7 ขั้น และขอพระราชทานยศกรณีพิเศษ เป็นชั้นยศ “สิบเอก”(เดิม พลทหาร) นอกจากนี้ยังได้มอบเงินช่วยเหลือจากทางราชการให้กับครอบครัว รวมเป็นเงินประมาณ 2,046,538 บาท (คำนวณโดยประมาณ) พร้อมพิจารณาบรรจุทายาททดแทนหากครอบครัวมีความประสงค์ ในส่วนนี้ยังไม่รวมถึงการช่วยเหลือในด้านอื่นๆ หลังจากนี้
- อส.ทพ. อัตณรงค์ ไชยศรี ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดสุวรรณบรรพต อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 15 ตุลาคม 2563 โดยทางครอบครัวจะได้รับเงินช่วยเหลือจากทางราชการรวมประมาณ 2,636,499 บาท (คำนวณโดยประมาณ) รวมทั้งพิจารณาบรรจุทายาททดแทนหากครอบครัวมีความประสงค์
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการช่วยเหลือจากทางราชการทั้งเป็นตัวเงินและที่ไม่ใช่ตัวเงินจะมากน้อยเพียงใด ก็ไม่สามารถที่จะทดแทนความรู้สึกของคนในครอบครัวที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักอย่างไม่มีวันกลับได้ ซึ่งถือว่าบุคคลทั้ง 2 ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสมเกียรติ สละชีวิตเพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชน โดยทางกองทัพขอยืนยันว่าเราจะดูทั้ง 2 ครอบครัวอย่างดีที่สุด “เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน”
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า