เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการตามกฎหมายต่อนักเคลื่อนไหวปลุกระดมในพื้นที่ จชต. ตามที่ในห้วงเวลานี้ได้มีการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อนักเคลื่อนไหวปลุกระดมในพื้นที่ จชต. อยู่หลายกรณีด้วยกัน

399

เริ่มต้นจากกรณีที่ 1

          เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ นำหมายค้นของศาลจังหวัดปัตตานี เดินทางไปตรวจค้นตามหมายศาลหาพยานหลักฐาน ที่บ้านของ นาย ซาฮารี เจ๊ะหลง ซึ่งเป็นประธานกลุ่มชมรมพ่อบ้านใจกล้า โดยที่ผ่านมา นาย ซาฮารีฯ มีพฤติกรรมดำเนินกิจกรรมเปิดบัญชีในนามชมรม ระดมเงินบริจาคอ้างว่า ช่วยเหลือครอบครัวของคนร้ายหลายรายที่มีหมายจับในคดีความมั่นคงซึ่งเสียชีวิตจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่และได้ตรวจสอบพบว่า เงินบริจาคบางส่วนได้นำไปใช้ในกิจกรรมอื่น จนเกิดความขัดแย้งกันเองภายใน ต้องเปลี่ยนมาเปิดรับบริจาคในนามบัญชีของญาติผู้เสียชีวิต โดยในวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินบริจาคที่นำไปใช้ในกิจกรรมอื่นและนัดหมายให้นาย ซาฮารีฯ เดินทางไปยังสำนักงาน ดีเอสไอ ในวันรุ่งขึ้นเพื่อให้ข้อมูลโดยละเอียดอีกครั้ง

            กรณีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรธารโต ออกหมายเรียกนาย มะนาวารี นะโกะ บรรณาธิการกองข่าวภาคสนามสำนักสื่อวาร์ตานี และ นาย มูฮัมหมัดฮาฟีซี สาและ ผู้สื่อข่าวภาคสนามสำนักสื่อวาร์ตานี ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 มี.ค.66 ในข้อหา ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่และขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยสาเหตุของการออกหมายเรียกดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 66 โดยในวันนั้น เจ้าหน้าที่ได้เข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต จังหวัดยะลา และเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น ทำให้คนร้าย คือ นาย อิบรอเฮม สาและ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ต่อมา นาย มะนาวีฯ และ นาย มูฮัมหมัดฮาฟีซีฯ ได้เดินทางเข้าไปในพื้นที่และใช้เพจเฟสบุ๊คสำนักสื่อวาร์ตานี ทำการไลฟ์สดผ่านเพจดังกล่าว มีลักษณะปลุกระดมมวลชนจากภายนอกพื้นที่ให้เข้ามา และได้ทำการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดกระทบกระทั่งกับมวลชนที่ถูกปลุกระดมเข้ามา และพบว่าได้มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเผยแพร่ข้อมูลที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง โดยเฉพาะการที่มีกลุ่มประชาชนออกมาตะโกนเรียกร้องเอกราชในระหว่างการแห่ศพของผู้เสียชีวิต

          กรณีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสุไหงปาดี ออกหมายเรียก นาย อาร์ฟาน วัฒนะ ซึ่งเป็นแกนนำคนสำคัญที่มักจะมีการเคลื่อนไหวปลุกระดม นำมวลชนเข้าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อยู่เป็นประจำ โดยให้เข้ามาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรสุไหงปาดี ในวันที่ 16 มี.ค.66 จากเหตุพฤติกรรมการปลุกระดมมวลชนเข้าขัดขวางการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการขุดศพของบุคคลที่ได้รับการแอบอ้างว่าเป็นศพของนาย ยาห์รี ดือเลาะ ซึ่งเป็นผู้ต้องหามีหมายจับในคดีความมั่นคงจำนวน 2 หมาย ซึ่งการตรวจสอบผลพิมพ์นิ้วมือจากฝ่ายปกครองแล้ว ศพดังกล่าว ไม่ใช่ นายยาห์รีฯ  จำเป็นต้องขุดศพเพื่อตรวจสอบหาดีเอ็นเอว่า เป็นบุคคลใด เพื่อนำศพคืนให้ญาติที่แท้จริงรวมทั้งเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าผู้เสียชีวิตเป็นพี่น้องชาวมุสลิมจริงหรือไม่  ซึ่งตามกฎหมายและคำวินิจฉัยของสำนักจุฬาราชมนตรี  (ฟัตวา) ที่ 04/2549 อนุโลมให้ขุดศพขึ้นมาทำการชันสูตรพลิกศพได้

          ปัจจุบัน มีบางองค์กร มีบางสื่อโซเชียล ซึ่งเป็นของกลุ่มที่เห็นต่างจากรัฐ ได้พยายามออกมาสื่อสารเพื่อปลุกระดมกล่าวอ้าง ว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีความเป็นธรรม , เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปใช้อำนาจนอกกระบวนการยุติธรรมเพื่อกลั่นแกล้งบุคคลเหล่านั้น  อีกทั้งยังมีความพยายามเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ เพื่อหาช่องทางขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ จากพฤติการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาของผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นหรือได้รับหมายเรียก เป็นบุคคลที่ต้องสงสัย มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด  ซึ่งเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย อีกทั้งการตรวจค้นเพื่อหาพยานหลักฐาน หรือการออกหมายเรียกเพื่อสอบปากคำในฐานะพยาน ไม่ใช่เป็นผู้ต้องหาเสมอไป จึงไม่ใช่การกลั่นแกล้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งตามที่ได้มีความพยายามกล่าวหา อีกทั้งการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความชอบธรรมและชอบด้วยขั้นตอนของกฎหมาย โดยรัฐต้องดำเนินการต่อทุกคนทุกกลุ่มที่กระทำผิดโดยไม่เลือกปฏิบัติ

          ทั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชน กรุณาใช้วิจารณญาณ ตรึกตรองถึงเหตุผลในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ก็เพื่อรักษาและธำรงไว้ซึ่งสิทธิของประชาชนส่วนใหญ่รวมทั้งประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับความสูญเสียจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง มิใช่เพื่อปกป้องคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะการปกป้องกลุ่มคนร้ายดังที่บุคคลบางกลุ่มและแนวร่วมกำลังกระทำอยู่

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า