แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธาน ส่งศพทหารกล้าอย่างสมเกียรติ กลับไปบำเพ็ญกุศลยังภูมิลำเนา ด้วยความอาลัยยิ่งจากผู้บังคับบัญชา และเพื่อนทหาร

324

          วันนี้ (4 มีนาคม 2566) เวลา 14.00 น. สนามบินบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลโท ศานติ  ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานพิธีส่งศพของ พันตรี ลิขิต  วิทยประภารัตน์ และ จ่าสิบเอก อิสระ  เลิกนอก เสียชีวิต จากการถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลักลอบวางระเบิด ขณะเดินทางปฏิบัติงานในพื้นที่ บ้านไออาร์แซ ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมาโดยมีทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง ตลอดจนเพื่อนทหารเข้าร่วมพิธีส่งศพผู้กล้าครั้งสุดท้ายเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางความอาลัย โดยศพผู้กล้าถูกคลุมด้วยธงชาติอย่างสมเกียรติ เคลื่อนผ่านทหารกองเกียรติยศที่ยืนให้ความเคารพไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อขึ้นเครื่องบินลำเลียงแบบ C-295W กลับไปบำเพ็ญกุศลยังภูมิลำเนา โดย พันตรี ลิขิต  วิทยประภารัตน์ ภูมิลำเนา เลขที่  9/51 หมู่ที่ 14 ตพบลเกาะจันทร์ อำเกาะจันทร์ จังหวัด ชลบุรี และ จ่าสิบเอก อิสระ  เลิกนอก ภูมิลำเนา เลขที่ 8 หมู่ที่ 1 ตำบลโคกกระเบื้อง อำเภอบ้านเหลื่อม จังหวัดนครราชสีมา

            อย่างไรก็ตาม กองทัพบกขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ พันตรี ลิขิต  วิทยประภารัตน์ และ จ่าสิบเอก อิสระ  เลิกนอก ที่ได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเทและเสียสละจนวาระสุดท้าย ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 4 ได้เร่งดูแลเรื่องสิทธิตามระเบียบของทางราชการ อาทิ เงินช่วยเหลือ ค่าจัดการศพ ค่าทดแทน และได้รับการพิจารณาบรรจุทายาททดแทนหากครอบครัวมีความประสงค์ โดยตลอดการตั้งพิธีบำเพ็ญกุศลศพนั้น มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล ให้การสนับสนุน และอำนวยความสะดวกต่อการจัดการศพ ให้มีความเรียบร้อยในระหว่างบำเพ็ญกุศลอย่างสมเกียรติ

            ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นเบาะแสผู้กระทำผิด บุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย สามารถโทรแจ้งได้ที่หน่วยงานความมั่นคง หรือหมายเลขสายตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 หรือหมายเลขโทรศัพท์สายตรงผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หมายเลข 061-1732999 ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอให้งดเว้นการสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร เป็นต้น เนื่องจากผู้ที่ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิด จะมีความผิดตามกฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า