ตรวจสภาพความพร้อมการบรรเทาสาธารณภัย รับมือภัยพิบัติทุกรูปแบบ ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในทุกโอกาส

851

          วันนี้ (21 ตุลาคม 2564) เวลา 14.00 น. พลโท เกรียงไกร  ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 เป็นประธาน เปิดการตรวจสภาพความพร้อมหน่วยบรรเทาสาธารณภัยกรมสนับสนุนกองพลทหารราบที่ 15 และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมตรวจเยี่ยมการปฏิบัติ ก่อนมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความพร้อม เตรียมรับมือภัยพิบัติในทุกรูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนอย่างทันท่วงที เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในทุกโอกาส โดยมี นายเจษฎา  จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, พลตรี เฉลิมพร  ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15, หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกิจกรรม

          ตามสถานการณ์สภาพภูมิอากาศในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ไปจนถึงกลางเดือนมกราคมของทุกปี เป็นห้วงแห่งฤดูมรสุมที่ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก ปริมาณน้ำที่เกิดการสะสมเป็นจำนวนมาก มีแนวโน้มที่จะเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ พลเอก ณรงค์พันธ์  จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้นโยบายแก่หน่วยทหารและส่วนราชการในพื้นที่ มุ่งเน้นการบูรณาการการมีส่วนร่วม สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 ปัจจุบัน มีทั้งหมด 10 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ครอบคลุมทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ บูรณาการกำลังและยุทโธปกรณ์ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ เตรียมความพร้อมปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบสาธารณภัย สามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีโดยไม่ต้องรอคำสั่ง เช่นเดียวกับ หน่วยบรรเทาสาธารณภัยกรมสนับสนุนกองพลทหารราบที่ 15 รับผิดชอบพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อำเภอสะบ้าย้อย อำเภอเทพา และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ด้วยการประสานความร่วมมือกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งฝ่ายทหาร และฝ่ายพลเรือน ส่วนราชการในพื้นที่ ทำการตรวจสภาพความพร้อม ทั้งกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ให้เกิดความมั่นใจในประสิทธิภาพ รองรับภารกิจบรรเทาสาธารณภัยเมื่อเกิดเหตุอย่างทันท่วงที

          โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้รับชมสาธิตการตรวจสภาพความพร้อม การเช็คยอดความพร้อมของกำลังพล สิ่งอุปกรณ์ประจำกาย สิ่งอุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงยานพาหนะ ที่ใช้ในการบรรเทาสาธารณภัย การแสดงการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการสาธิตการเคลื่อนย้ายศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 กรณีมีผู้ติดเชื้อเสียชีวิตให้เป็นไปด้วยความถูกต้องตามมาตรการ และคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติเป็นสำคัญ ก่อนเดินตรวจ และทดสอบอุปกรณ์ วิธีการใช้งานต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานได้จริง ไม่ได้เกิดการชำรุดหรือเสียหาย ที่อาจจะส่งผลให้เกิดอุปสรรคในการช่วยเหลือต่อไป

          โดยแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า “เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้รู้สึกปลอดภัย หน่วยทหารโดยเฉพาะศูนย์บรรเทาสาธารณภัยจะต้องมีการเตรียมความพร้อม ทั้งด้านกำลังพล และยุทโธปกรณ์ เพื่อที่จะได้ทำการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่อสู้กับภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งปัจจุบันนี้นอกจากภัยพิบัติจากน้ำท่วม ไฟไหม้ พายุลมแรงแล้ว เราจะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องปฏิบัติควบคู่กันไปครอบคลุมในทุกมิติ โดยจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งการทำงานนั้น จะต้องมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการประสานสอดคล้อง รองรับการช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จนกว่าสถานการณ์ภัยพิบัติต่างๆ จะดีขึ้น และกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยในส่วนของกองทัพภาคที่ 4 ได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยขึ้น จำนวน 10 ศูนย์ ครอบคลุมพื้นที่ทั่วภาคใต้ พร้อมให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน หากเกิดสถานการณ์โดยทันที ไม่ต้องรอคำสั่ง เพราะความทุกข์ของประชาชน เป็นสิ่งที่คอยไม่ได้”

          ต่อมา แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสนามค่ายลพบุรีราเมศวร์ กรมสนับสนุนกองพลทหารราบที่ 15 เพื่อให้กำลังใจผู้ป่วยที่รักษาตัวภายในโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ ซึ่งอาคารดังกล่าวเป็นหอผู้ป่วยหญิง และมีเด็กเข้าทำการรักษาตัวอยู่กว่า 600 ราย โดยได้นำอาหาร ขนม ของว่าง เครื่องดื่ม พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ มอบให้แก่โรงพยาบาลสนาม ด้วยความห่วงใยที่มีต่อผู้ป่วย ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ ก่อนที่ผู้ป่วยเหล่านี้จะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติพร้อมเป็นกระบอกเสียงให้แก่ชุมชนและหมู่บ้านใช้ชีวิตแบบ New Normal ต่อไป

ทหารเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในทุกโอกาส

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า