วันนี้ (8 ก.ย.2564) ที่มูลนิธิฮัจญีสุหลง โต๊ะมีนา อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พบปะ ประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาสันดอนทรายอ่าวปัตตานี ร่วมกับกลุ่มคณะทำงานแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดจากสันดอนทรายในอ่าวปัตตานี โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนชาวประมง ประชาชนในพื้นที่ ร่วมพูดคุยแสดงความคิดเห็น เพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการ และรับฟังเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นำมาสู่กระบวนการระดมความคิดหารือแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
ทั้งนี้จากการเรียกร้องของสภาประชาชนจังหวัดปัตตานีและชมรมประมงพื้นบ้านรอบอ่าวปัตตานีได้เรียกร้องขอให้มีการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการขุดลอกอ่าวปัตตานี ที่สร้างผลกระทบต่อการประกอบอาชีพประมง การเดินเรือ และระบบนิเวศทางทะเลแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำอย่างเร่งด่วน พร้อมดำเนินการบังคับใช้กฏหมาย กับกลุ่มประมงที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด เร่งฟื้นฟูอ่าวปัตตานีให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ โดยเร็ว
พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า วันนี้มาสังเกตการณ์ร่วมกับคณะทำงานเพื่อหารือ หาแนวทางในแก้ปัญหาร่วมกัน ปัญหาสันดอนทรายอ่าวปัตตานีได้ส่งผลกระทบในหลายด้าน เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ จากข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับมาจากคณะทำงาน จะได้ประสานส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมเจ้าท่า ประมง ป่าไม้ เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ซึ่ง บางส่วนได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ยังมีบางเรื่องที่ติดขัดอยู่บ้าง ก็ต้องผลักดัน ศึกษาความเป็นไปได้ดำเนินการกันต่อไป ทุกปัญหาสามารถอ่อนตัวได้ ยืดหยุ่นได้ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ แต่สิ่งมุ่งหวังนั่นคือความร่วมมือเข้าใจของทุกภาคส่วนที่จะช่วยให้การแก้ไขปัญหานำไปสู่ความสำเร็จ สำหรับเรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย ที่ผ่านมา กรมประมงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งการตักเตือน และจับกุมหลายกลุ่มที่ผิดกฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้จากการที่ชาวบ้านได้ร้องขอเครื่องมือทำมาหากินช่วงฤดูประมงนั้น ก็พร้อมนำไปสานต่อส่วนที่เกี่ยวข้องสนับสนุนชาวประมงโดยเร่งด่วนต่อไป
ด้าน นายมะรอนิง สาและ นายกสมาคมประมงพื้นบ้านจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ตนและชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงพื้นบ้านมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ยึดอาชีพประมงเป็นหลักเพื่อหาเลี้ยงชีพ โดยยึดวิธีการแบบดั้งเดิมเพื่ออนุรักษ์สภาพแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเล ภายหลังจากที่มีขุดลอกอ่าวปัตตานี และปลายแหลมที่ยื่นออกมาทำให้ปากอ่าวแคบลง น้ำไม่มีการระบาย เกิดภาวะน้ำนิ่ง ทำให้เกิดตะกอนและน้ำตื้น ประกอบกับมีสันดอนทรายเกิดหลายจุดทำให้เรือประมงไม่สามารถสัญจรได้ และเกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายครั้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข โดยขณะนี้เจ้าหน้าส่วนที่ได้แก้ไขด้วยการขุดลอกสันดอนทรายในอ่าวปัตตานี ดำเนินการไปแล้ว 60 เปอร์เซ็นต์ โดยจะนำดินที่ขุดไว้มาสร้างเป็นสนามฟุตบอลตามความต้องการของประชาชน หลังจากที่ได้ทำประชามติในห้วงที่ผ่านมา ขอบคุณเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว และเร่งติดตามดำเนินการแก้ไข ตนและชาวบ้านในพื้นที่ จะช่วยกันอนุรักษ์ระบบนิเวศน์ให้คงสภาพที่อุดสมบูรณ์ให้มากที่สุด เชื่อว่าในอนาคตหากทุกอย่างลงตัวที่นี่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ภายหลังรับฟังปัญหาและข้อเสนอ แม่ทัพภาคที่ 4 และคณะได้ลงเรือไปตรวจสภาพพื้นที่ จากท่าเรือสะพานไม้บ้านบานา ไปยังสันดอนทรายกลางอ่าวปัตตานี ในพื้นที่ตำบลแหลมโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี พบว่า มีการทับถมของสันทรายเป็นแนวยาว ปรากฎให้เห็น 2-3 สันดอนทรายกีดขวางเส้นทางเรืออย่างชัดเจน และน้ำทะเลบริเวณดังกล่าวมีความตื้นเขิน ปัญหาดังกล่าวจึงถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป ก่อนเดินทางพบปะหารือ พูดคุยกับตัวแทนชาวประมงพื้นบ้านที่บริเวณสันดอนทรายในอ่าวปัตตานีในพื้นที่ตำบลตะโละสะมิแล อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ขอให้ทุกฝ่ายได้ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าโดยไม่ทำลายวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า