วันนี้ 30 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. ที่ ค่ายรัตนรังสรรค์ ตำบลราชกรูด อำเภอเมือง จังหวัดระนอง พลเอก พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เดินทางพร้อมด้วย พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4 และพลตรี ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5/ ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี ตรวจเยี่ยมติดตามการปฏิบัติงานของ ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019 ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้านจังหวัดระนอง และจังหวัดชุมพร เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวทุกมิติ ทั้งการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว ตลอดจนสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดตามแนวชายแดน เพื่อการประเมินสถานการณ์ และแก้ไขปัญหาที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ภายใน 2 จังหวัด
หลังจากนั้น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พร้อมกับแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ร่วมลาดตระเวนทางน้ำ ตรวจภูมิประเทศแนวลำน้ำและชายฝั่ง จากท่าเทียบเรือแกรนด์อันดามัน ตำบลปากน้ำ ไปจนถึงเกาะสะระณีย์ เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของชุดปฏิบัติการทางน้ำ ซึ่งปัจจุบันศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4 โดยกองกำลังเทพสตรี ชุดปฏิบัติการฉลาม และเจ้าหน้าที่ยังจัดกำลังคุมเข้มลาดตระเวนเฝ้าตรวจด้วยการนำเทคโนโลยีที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งกล้อง CCTV ระบบตรวจการจราจรและเฝ้าระวังทางน้ำ (เรดาร์) ทั้งกลางวันและกลางคืนให้สามารถสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบที่จะเข้ามายังราชอาณาจักร
ก่อนเดินทาง ไปยังด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ ตำบลเขาไชยราช อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน ติดตามการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค covid -19 และสถานการณ์อื่น ๆ ในพื้นที่ ก่อนมอบนโยบายในการปฏิบัติงาน ว่า “ด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญด่านหน้าในการดูแลเฝ้าระวัง สกัดกั้น การกระทำผิดกฎหมายทุกชนิด โดยเฉพาะการลักลอบขนยาเสพติด และแรงงานต่างด้าว เข้าสู่พื้นที่ภาคใต้ โดยเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกันอย่างเข้มข้น เพราะผู้ทำผิดกฎหมายต่างมีการปรับเปลี่ยนวิธีรูปแบบอยู่ตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานของด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละเข้มแข็งมาก สามารถสกัดกั้น และจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากเรื่องสิ่งผิดกฎหมายแล้วสิ่งสำคัญที่ต้องช่วยกันเฝ้าระวัง นั่นคือการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวที่อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค โควิด 19 ก็ให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจตราอย่างเข้มงวด อย่าประมาท เพราะขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดน่าเป็นห่วง ต้องช่วยกันป้องกันอย่างเต็มที่” ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกกล่าว
โดยการเดินทางมาของผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในการลงพื้นที่ตรวจเข้มแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้านจังหวัดระนอง และชุมพร นั้น เพื่อเป็นการตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์โคโรนา 2019 ตามแนวชายแดนไทยเมียนมาร์ และพิจารณาหารือถึงปัญหาข้อขัดข้องในห้วงที่ผ่านมา พร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติการสกัดกั้น ตามพันธกิจของกองทัพบก 3 ประการ ได้แก่ การเฝ้าตรวจและป้องกันชายแดน การจัดระเบียบพื้นที่ และการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ด้วยการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องคุมเข้มเฝ้าระวังป้องกัน สกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกดหมายตามช่องทางธรรมชาติ ให้นำไปสู่การขยายผลจับกุมขบวนการ ตลอดจนการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด สินค้าทางการเกษตร สินค้าหนีภาษี เข้ามายังราชอาณาจักร โดยเน้นย้ำกองกำลังเจ้าหน้าที่วางกำลังเฝ้าตรวจ ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความถี่เฝ้าระวังพื้นที่เข้มข้นทุกตารางนิ้ว ทั้งเส้นทางบก เส้นทางน้ำ พื้นที่ตอนนอก ตอนใน โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ตามแนวชายแดนควบคู่กัน และให้การช่วยเหลือประชาชนในทุกโอกาส ขณะเดียวกันขอให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง ติดตามตรวจสอบกระแสข่าวข้อมูลที่เป็นเท็จ การโจมตีจากผู้ไม่หวังดี โดยให้ชี้แจงทำความเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้องกับพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ซึ่งอาจนำมาซึ่งปัญหาการลดทอนความร่วมมือ ความเชื่อมั่น และการสนับสนุนของพี่น้องประชาชนที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ
ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า