จากกรณีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าพิสูจน์ทราบและบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เข้ามาหลบซ่อนในพื้นที่ บ้านชะเมาสามต้น ตำบลเตราะบอน และ บ้านบือแนบาแด ตำบลกะดุนง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี และได้เกิดการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 5 – 11 กรกฎาคม 2564 ยืดเยื้อ กว่า 6 วัน เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องวิสามัญผู้ก่อเหตุรุนแรงจำนวน 2 ราย ปิดปฏิบัติการในวันที่ 7 แม้จะใช้ความพยายามเจรจาเป็นสำคัญ นำผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าเกลี้ยกล่อม หวังให้ออกมามอบตัว โดยดำเนินการตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย
โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (12 กรกฎาคม 2564 ) พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงสรุปผลการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการขยายผลจากแหล่งข่าวหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี สืบทราบว่ามีกลุ่มคนร้ายเข้ามาหลบซ่อนตัวในพื้นที่จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าพิสูจน์ทราบและบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่ป่าละเมาะ บ้านชะเมาสามต้น ตำบลเตราะบรอน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี โดยกลุ่มคนร้าย เมื่อตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมเข้ามา จึงได้เปิดฉากใช้อาวุธปืนยิงใส่ เพื่อเปิดทางหลบหนี โดยกลุ่มคนร้ายได้หลบหนีเป็น 2 ชุด ชุดแรกเข้าไปหลบซ่อนอยู่ใน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนามะอูฮัดซูบูลูซซาลาม บ้านชะเมาสามต้น หมู่ที่ 5 ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ส่วนอีกชุดหลบหนีเข้าไปในป่า ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดที่พักของกลุ่มคนร้ายได้ ซึ่งมีการกางเต็นท์ 2 จุด มีอุปกรณ์สนาม อาหารแห้ง รองเท้าแตะ และยังพบซองกระสุนปืนอาวุธสงคราม รวมทั้งยังพบรอยเลือดหยดเป็นทาง คาดว่าคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บขณะยิงต่อสู้เพื่อเปิดทางและหลบหนีเข้าไปซ่อนตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เชิญผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาพื้นที่ รวมทั้งญาติของผู้ก่อเหตุรุนแรง เกลี่ยกล่อม ให้ยอมเข้ามอบตัว และให้มีการปฏิบัติอย่างรัดกุม แต่กลุ่มคนร้ายยังคงหลบซ่อนภายในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนามะอูฮัดซูบูลูซซาลาม และได้ขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย ประกอบด้วย
- ส.ต.อ.ธงชัย ศรีสวัสดิ์ ผบ.หมู่ สังกัด กก.3 บก.สอ.บช.ตชด. โดนสะเก็ตระเบิดขาด้านซ้าย,บริเวณหลังมือขวา,ซ้ายโครงด้านขวา และท้ายทอย
- อส.ทพ.วิโรจน์ ภัยชำนาญ รอง ผบ.ชป. สังกัด ร้อย.ทพ.4309 โดนแรงอัดจากระเบิด อาการเบื้องต้นแน่นหน้าอกและมีอาการหูอื้อข้างขวา
- ส.ต.ท.ธีรณัฐ นิตยวิมล สืบ จว.ฯ มีแผลถลอกเหนือคิ้ว 2 ซม. บาดเจ็บที่ขาข้างขวาข้อเท้ากระแทกพื้นบวมปวดไม่ผิดรูป อาการรู้สึกตัวดีไม่มีแผลเปิด
ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เข้าพิสูจน์ทราบ พบผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต จำนวน 2 ราย หนึ่งในนั้น คือ นายคูไมดี รีจิ อายุ 33 ปี ข้างศพพบ อาวุธปืน AK-47 จำนวน 1 กระบอก มีภูมิลำเนาอยู่ที่ หมู่ที่ 2 ตำบลละหาร อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี พฤติกรรม เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ มีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 2 หมาย ที่สำคัญคือคดีปล้นร้านทองสุธาดา ในพื้นที่อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2562 และนายอัมรี มะมิง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/1 บ้านบาโงกือยิ ม.6 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี บริเวณข้างศพมีอาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก , อาวุธปืนยาว AK47 จำนวน 1 กระบอก และลูกระเบิดขว้าง 1 ลูก มีหมายจับ 1438/62 ในข้อหาเป็นสมาชิกของคณะบุคคล ซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำผิดฐานเป็นอั้งยี่, เป็นสมาชิกของคณะบุคคลที่มีการกระทำอันเป็นก่อการร้าย จากคดีลอบวางระเบิดหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 62 เป็นเหตุการณ์จุดแรกที่บ้านชะเมาสามต้น ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
ทั้งนี้ ห่างจากจุดแรก ห่างจากจุดแรกประมาณ 20 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้เข้าบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่บ้านบือแนบาแด ตำบลกะดุนง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี โดยเข้าปิดล้อมมาตั้งแต่ เวลา 06.30 น. ของวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 และกระชับวงล้อมเข้าไป จนตรวจพบที่พักพิงพร้อมอุปกรณ์เครื่องใช้จำนวนหนึ่ง จึงใช้ใช้สุนัขทหาร ดมกลิ่นเข้าพิสูจน์ทราบ กลุ่มคนร้ายที่หลบซ่อนภายในเห็นดังนั้นจึงได้ใช้อาวุธสงครามยิงใส่ ทำให้สุนัขทหารได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหู เจ้าหน้าที่จึงทราบว่า มีผู้ก่อเหตุรุนแรงหลบซ่อนอยู่ในป่าสาคูประมาณ 6 – 7 คน จึงได้เชิญผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาพื้นที่ รวมทั้งญาติของผู้ก่อเหตุรุนแรงมา เกลี้ยกล่อม เจรจาให้ยอมเข้ามอบตัว แต่ไม่เป็นผล ผู้ก่อเหตุรุนแรงกลับใช้ความรุนแรงยิงตอบโต้ใส่เจ้าหน้าที่ สถานการณ์ เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เจ้าหน้าที่ได้นำเจ้าหน้าที่ได้นำอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงรถแบ๊กโฮเข้าเคลียร์พื้นที่ เพื่อตรวจหาร่องรอยหลักฐานและศพของคนร้าย จนกระทั่งพบคนร้ายถูกวิสามัญจำนวน 2 ราย นอนเสียชีวิต แต่ละศพห่างกันประมาณ 30 เมตร โดยศพแรกเสียชีวิตบริเวณริมคลอง คือ
นายสูไลมาน ดอเลาะ ผู้ก่อเหตุรุนแรง ระดับปฏิบัติการ มีหมายจับ ป.วิอาญาฯ จำนวน 3 หมาย คือ 1. หมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.585/60 ลง 8 ต.ค. 60 เมื่อ 22 ก.ย. 60 เหตุ ลอบวางระเบิด จนท.ทพ. ร้อย ทพ.4412 บริเวณถนนสาย 42 บ้านเจาะกือแย ม.1 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี 2. หมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.272/63 ลง 24 มิ.ย. 63 เมื่อ 16 มิ.ย. 63 จนท.ปิดล้อมตรวจค้น พบแหล่งพักพิงกลุ่ม ผู้ก่อเหตุ บริเวณสวนยางพาราสลับสวนปาล์มน้ำมัน บ้านละอาร์ ม.6 ต.กะดุนง อ.สายบุรี 3. หมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.276/63 ลง 26 มิ.ย. 63 เมื่อ 22 ต.ค. 58 คนร้ายลักรถ จยย. บริเวณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปล่องหอย ม.5 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี
อีกราย คือ นายอัซมาน สะมะแอ อยู่บ้านเลขที่ 52 ม.4 ต.ตะกะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ โดยผ่านการชักชวนและสาบานตน (ซูมเปาะห์) และผ่านการฝึกยุทธวิธีขั้นปอเนาะ มีหมายจับ จำนวน 2 หมาย คือ หมายจับ ป.วิอาญา ที่ จ.5982560 ลง 9 ต.ค. 60 กรณี คนร้ายยิง ด.ต.พิทักษ์ฯ เสียชีวิตเมื่อ 21 ก.ค. 60, หมายจับ ป.วิอาญา ที่ จ.31272563 ลง 3 ส.ค. 63 กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจพบแหล่งพักพิงผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ม.3 ต.บือเระ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อ 13 มี.ค. 63 และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบยิง ด.ต.พิทักษ์ รัตนหิรัญ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สายบุรี บริเวณถนนริมทะเลชุมชนบางตาหยาด ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อ 21 ก.ค. 60
ตลอดระยะเวลา 7 วันที่ผ่านมา คนร้ายเสียชีวิตทั้งสิ้น 4 ราย เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ทั้งนี้การเข้าพิสูจน์ทราบและบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้พยายามบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนักมาโดยตลอด ประกอบกับสภาพพื้นที่เกิดเหตุเป็นทุ่งนาและมีป่าสาคู ทำให้การปฏิบัติเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยยึดหลักตามแนวทางสันติวิธีแต่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเลือกที่จะใช้ความรุนแรงในการตอบโต้จนทำให้เกิดความสูญเสียดังกล่าว ขอให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจในมาตรการการควบคุมพื้นที่ และบังคับใช้กฎหมายของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เพื่อสร้างความปลอดภัยและสันติสุขให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากพบเห็นสิ่งปกติ บุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 หมายเลข 061 – 173 – 2999 หรือเบอร์สายด่วน 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า