คณะผู้ปฏิบัติธรรม อินเดีย – เนปาล เริ่มปฏิบัติธรรมเป็นวันที่ 2 เยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา 

73

          เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 คณะผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไปปฏิบัติธรรมและศึกษาธรรมแหล่งสังเวชนียสถาน ณ ประเทศอินเดีย – เนปาล ประจำปี 2567 เดินทางเข้าสู่ประเทศอินเดียเป็นวันที่ 2 โดยได้เยี่ยมชมวัดไทยสะสาราม ตั้งอยู่บริเวณ หมู่บ้านอูว๊า ตำบลโลตัส อำเภอสะสาราม จังหวัดพิหาร ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ และใกล้กับแหล่งศาสนสถาน ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังมีพระสงฆ์จากไทยมาจำพรรษาและให้การศึกษาเกี่ยวกับพุทธศาสนาแก่ชุมชนท้องถิ่นด้วย

         จากนั้นคณะผู้ปฏิบัติธรรม ฯ ได้เดินทางไปยังวัดไทยพุทธคยา เพื่อกราบนมัสการพระพุทธชินราชจำลอง ที่ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยรัฐบาลไทยและชุมชนชาวพุทธไทย เป็นวัดแห่งแรกในประเทศอินเดีย ที่มีสัญลักษณ์เป็นสื่อกลางแห่งความศรัทธาของชาวพุทธไทยในต่างแดน คล้ายกับองค์พระพุทธชินราชที่ประดิษฐานในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก

          นอกจากนี้ยังได้เข้ากราบนมัสการพระมหาเจดีย์พุทธคยา (ตรัสรู้) ณ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน เนื่องจากเชื่อกันว่าเป็นจุดที่เจ้าชายสิทธัตถะบำเพ็ญเพียรจนบรรลุธรรมและกลายเป็นพระพุทธเจ้า ทำให้มีความสำคัญทางจิตใจแก่ผู้ที่มาแสวงบุญจากทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงการสวดมนต์และเจริญจิตภาวนาซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ที่มาสักการะได้สัมผัสกับบรรยากาศแห่งความสงบและมีสมาธิ

          ในช่วงค่ำคณะผู้ปฏิบัติธรรม ฯ ได้เยี่ยมชมแม่น้ำเนรัญชรา ซึ่งเป็นแม่น้ำที่มีความสำคัญในพุทธประวัติที่พระพุทธองค์ลอยถาดซึ่งนางสุชาดา เป็นผู้ถวายข้าวมธุปายาส ตลอดจนยังได้เยี่ยมชม สถูปบ้านนางสุชาดาด้วย

          ขณะที่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 คณะผู้ปฏิบัติธรรม ฯ ได้เดินทางถึงประเทศอินเดียในเวลา 12.10 น. (ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศอินเดีย) และเริ่มปฏิบัติธรรม โดยจุดแรกคือเมืองสารนาถ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งเป็นสถานที่แสดงปฐมเทศนา เยี่ยมชมเจาคันธีสถูป พบปัญจวัคคีย์ นมัสการธัมเมกขสถูป สถานที่แสดง ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร โปรดปัญจวัคคีย์ ทำให้เกิดพระรัตนตรัยครั้งแรกในโลก เข้านมัสการคันธกุฎี(กุฎีหลังแรก) ที่พระพุทธเจ้าจำพรรษา ชมยสเจดีย์และชมสังฆารามกุฏิสงฆ์กว่า 1,000 หลัง

          อีกทั้งคณะผู้แสวงบุญฯ ยังได้ล่องเรือในแม่น้ำคงคา แม่น้ำอันศักดิ์สิทธิ์ ที่มีพิธีอารตีลอยกระทงบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ชมวิถีชีวิตผู้คนริมฝั่งแม่น้ำ ตลอดจนพิธีการอาบน้ำชำระบาป พิธีการเผาศพริมฝั่งแม่น้ำคงคา ซึ่งมีการเผาศพอยู่ตลอดเวลา โดยตามความเชื่อหากนำศพมาเผาและนำเถ้าอัฐิไปโปรยลงแม่น้ำคงคาแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์

ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า